1. ขอโทษด้วยความจริงใจ
ความจริงใจ เปรียบเสมือน มาตรวัดระดับพลังในการขอโทษของคุณ สิ่งนี้มีความหมายมากกว่าคำพูด “ขอโทษ ” มากนัก...
เทคนิคในการเพิ่มความจริงใจอย่างง่ายๆ ก็เช่น ลำรึกไว้เสมอ ว่าการขอโทษบ่อยๆ นั่นไม่ดี (เหมือนเป็นการช่วยกระตุ้น และป้องกันไม่ให้ตัวเองทำผิด) หรือหากทำผิดไปแล้ว บางครั้ง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบขอโทษในทันทีทันใด เพียงแค่คิดดูให้ถี่ถ้วน และรอให้สถานการณ์เย็นลงก่อน... เมื่ออารมณ์เย็น หรืออารมณ์ดีขึ้น ความรู้สึกเข้าใจในสถานการณ์ และความรู้สึกสำนึกผิดก็จะมีมากขึ้น และจะช่วยให้เรากล่าวขอโทษผู้อื่น อย่างเข้าใจความหมาย ของคำๆ นี้ มากขึ้นตามกันไป
เทคนิคในการเพิ่มความจริงใจอย่างง่ายๆ ก็เช่น ลำรึกไว้เสมอ ว่าการขอโทษบ่อยๆ นั่นไม่ดี (เหมือนเป็นการช่วยกระตุ้น และป้องกันไม่ให้ตัวเองทำผิด) หรือหากทำผิดไปแล้ว บางครั้ง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบขอโทษในทันทีทันใด เพียงแค่คิดดูให้ถี่ถ้วน และรอให้สถานการณ์เย็นลงก่อน... เมื่ออารมณ์เย็น หรืออารมณ์ดีขึ้น ความรู้สึกเข้าใจในสถานการณ์ และความรู้สึกสำนึกผิดก็จะมีมากขึ้น และจะช่วยให้เรากล่าวขอโทษผู้อื่น อย่างเข้าใจความหมาย ของคำๆ นี้ มากขึ้นตามกันไป
2. รับผิดชอบต่อผลของการกระทำ
บางครั้ง การกล่าวแต่คำขอโทษเพียงอย่างเดียว ก็แลดูเหมือนเป็นการแก้ตัวเกินไป แต่มีสิ่งที่จะมาหักล้างประเด็นในเรื่อง การแก้ตัวลงไปได้ก็คือ ต้องรับผิดชอบต่อผลของการกระทำ ยกตัวอย่าง คำพูดในการขอโทษอย่างเช่น “ผมขอโทษ” เปรียบเทียบกับ “นี่เป็นความผิดของผม และผมจะรับผิดชอบมันทั้งหมดเอง” (ในกรณีที่คุณรู้ดีแก่ใจว่า ความผิดนั้นเกิดจากการกระทำของคุณ) ความแตกต่างระหว่างสองประโยคนี้ ก็คือ ประโยคที่สอง แฝงความหมายที่แท้จริงของการขอโทษเอาไว้ด้วยนั่นเอง
3. ให้คำสัญญา อย่างเช่น “ผมจะพยายาม ทำมันให้ดีขึ้น”
กล่าวออกไปตรงๆ ว่า คุณขอโทษ... คุณยอมรับผิด แถมด้วยการให้สัญญาว่า คุณจะพยายามแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในครั้งนี้ ให้ดีขึ้นต่อไป คำสัญญา จะมีอานุภาพ ทำให้ผู้ที่ได้ยินเสียจังหวะ จนเกิดอาการใจอ่อน (จะอ่อนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ร่างในสัญญา) ส่วนตัวคุณเองนั้น ก็จะได้รับผลกระทบดีๆ จากการที่จะได้ลดข้อเสียในตัวเองลงไปด้วยเช่นกัน